สำหรับตัวต่อไปที่ NasShops จะทำการแกะกล่อง Review นี้ จะเป็นรุ่น DS216play ซึ่งเป็น Model ใหม่ในปี 2016 เช่นกันครับ จัดอยู่ในกลุ่มของ Value Series เป็น NAS ขนาด 2 Bays เหมาะสำหรับการใช้งานภายในบ้านที่เน้นในเรื่องของ Home Media Entertainment ซึ่งจะชูจุดเด่นในเรื่องของ 4K Ultra HD video transcoding ทำให้การดูหนังที่บ้านเป็นอะไรที่ฟินส์สุดๆครับ แต่หากจะนำไปใช้การทำ Data Center หรือการ Share และ Backup File กับในองค์กรขนาดเล็กๆ ก็สามารถรองรับการทำงานได้เช่นกันครับ
สำหรับ Hard ware spec ของ DS216play นั้นจัด Spec มารองรับการดูหนังที่บ้านที่ให้ความต่อเนื่อง ไม่มีอะไรสะดุดให้ให้เสียอรรถรสในการรับชม แต่อย่างใด แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆด้วยเช่น ขนาดของไฟล์, ประเภทของไฟล์ และระบบ Network ที่ใช้ในการ Transfer ข้อมูล ด้วยนะครับ ซึ่งตัวเครื่องใช้ CPU Dual Core 1.5 GHz, RAM ขนาด1 GB DDR3 และมีพอร์ท USB สำหรับเชื่อมต่ออีก 2 พอร์ท ทั้ง USB 2.0 และ 3.0 ซึ่งมีรายละเอียดต่างๆตามตารางที่อยู่ด้านล่างนี้เลยครับ
| Hardware Specification | |
| CPU | STM STiH412, Dual Core 1.5 GHz, 32-bit |
| System Memory (RAM) | 1 GB DDR3 |
| Drive Bay(s) | 2 |
| USB 2.0 | 1 |
| USB 3.0 | 1 |
| RJ-45 1GbE LAN Port | 1 |
| Warranty | 2 Years |
ต่อไปเราจะมาดูรายละเอียดทางด้าน Hardware ของ Synology NAS รุ่น DS216play กันเริ่มต้นที่กล่องที่ใช้ในการบรรจุผลิตภัณฑ์ จะเป็นกล่องสีน้ำตาลเรียบมีหูหิ้ว ด้านหน้ามีสติกเกอร์ยี่ห้อ Synology รุ่น DS216play แปะอยู่ ซึ่งรุ่นนี้ตัวเครื่องจะเป็นสีดำครับ
ส่วนต่อมาทางด้านข้างจะเป็น Option หรือ Features ต่างๆของ Synology NAS ตัวนี้ว่าสามารถทำงานในลักษณะใดได้บ้าง เช่นเหมาะสำหรับทำ File Sharing และรองรับ Cloud Synchronization เป็นต้น
เมื่อทำการเปิดกล่องออกมา ภายในกล่องจะแยกออกเป็น 2 ส่วนคือ ส่วนที่บรรจุ NAS พร้อมกับห่อกันกระแทกเอาไว้และส่วนของ Accessory ต่างๆเช่น สายไฟ, Adaptor และสาย LAN เป็นต้น
เมื่อแกะ Synology NAS DS216play ออกจากซองกันกระแทกแล้ว จะพบกับตัวเครื่องของ Synology NAS DS216play เป็นสีดำ ซึ่งมีไฟสถานะเพื่อบอกรายละเอียดการทำงานต่างๆ ไล่จากด้านบนลงล่าง ดังนี้
เริ่มจากส่วนบนสุดจะมีไฟ LED บอก Status การทำงานต่างๆ เช่น LAN, Disk 1, Disk 2 เป็นต้น ถัดจากนั้นลงมาจะเป็นปุ่ม Power ใช้สำหรับเปิด-ปิดเครื่อง พร้อมทั้งไฟแสดง Status อย่างไรก็ตามการปิดเครื่องหรือการ Shutdown NAS นั้น ผมแนะนำให้ทำผ่าน Interface หรือผ่านทาง DSM จะเป็นการดีที่สุดครับ เนื่องเป็นการป้องกันไฟกระชาก หรือการหยุดจ่ายไฟทันทีอาจทำให้เกิดผลเสียกับ Hard disk ได้อีกด้วยครับ และมุมล่างซ้ายสุดจะเป็นรุ่นของ Synology ครับซึ่งก็คือ DS216play
ด้านหลังของตัวเครื่องจะประกอบไปด้วยพัดลมระบายความร้อนขนาดใหญ่ และมี Port ต่างๆเรียงลำดับจากทางซ้ายไปขวามือ และจากบนลงล่าง ดังนี้ครับ รูเล็กๆด้านในจะเป็นปุ่ม Reset ของตัวเครื่อง หาวัสดุที่มีความแข็งแรง ไม่หักง่าย จิ้มลงไปเบาๆครับ Port ต่อมาจะเป็น Port USB 3.0 และ USB 2.0 อย่างละ 1 Port ตามมาด้วย Port LAN ที่เป็น Gigabit จำนวน 1 Port ครับ และรูสำหรับใส่สาย Lock ตัวเครื่อง ถัดลงมาด้านล่างจะเป็นช่องสำหรับเสียบสาย DC Adapter ครับ
ในการถอดประกอบเคส สำหรับใส่ Hard disk เข้าไปในตัวเครื่องนั้น สามารถถอดเคสได้โดยการไขน๊อตทางด้านหลังของเครื่องออก (ซึ่งหากเป็นเครื่องใหม่น๊อตทั้งสองตัวนี้ยังไม่ได้ใส่เอาไว้) การถอดเคสเพื่อใส่ Hard disk สามารถทำการ Slide เคสออกมาได้เลยครับ หลังจากนั้นจะพบกับช่องที่นำ Hard disk เสียบเข้าไป ทำการเสียบ Hard disk เข้าไปและขันน๊อตยึด Hard disk ที่มีมาให้ในกล่องเพื่อความมั่นคงปลอดภัย และ Slide เคสของเครื่อง กลับเข้าไปตามเดิม และยึดน๊อตด้านหลังเครื่องทั้งสองตัวครับ
สำหรับ Synology NAS DS216play นั้น Hard disk จะไม่เป็นลักษณะ Hot Swap ครับ ดังนั้นในการเปลี่ยนหรือเพิ่ม Hard disk ต้องทำการ Shutdown เครื่องลงก่อนนะครับ
เราจะมาดูว่าประสิทธิภาพในการ Read/Write ข้อมูลของ Synology NAS DS216play นั้นจะมีลักษณะเป็นเช่นใดนะครับ ซึ่งจากการทดสอบ High-performance และ floating-point unit boost efficiency เราจะพบว่าส่วนของการ Read นั้นสามารถทำได้ 107 MB/Sec เลยทีเดียว ส่วนการ Write จะอยู่ที่ 91 MB/Sec ซึ่งจากการทดสอบอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่เป็นการ Setup Hard disk RAID 1 และเป็นการ Transfer ข้อมูลบน Window OS นะครับ
เมื่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพในการ Read/Write ข้อมูลระหว่าง Synology NAS DS216play กับ Synology NAS DS216se แล้ว ความเร็วในการ Read ข้อมูลจะใกล้เคียงกันคือ DS216play Read ข้อมูลได้เร็วกว่า DS216se 7 MB/Sec ส่วนการ Write ข้อมูล DS216play สามารถ Write ข้อมูลได้เร็วกว่าถึง 32 MB/Sec
สรุป Synology NAS รุ่น DS216play รุ่นนี้จะเหมาะสำหรับ1. การใช้งานภายในบ้านที่เน้นในเรื่องของ Home Media Entertainment รองรับการทำงาน 4K Ultra HD video transcoding
2. เหมาะสำหรับทำ Data Center หรือ Share File และ Backup ข้อมูลในองค์กรขนาดเล็ก
3. เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มต้นที่อยากจะมี NAS ไว้ใช้งานเป็นของตนเองสักเครื่องหนึ่ง ที่เน้นการตอบสนองที่รวดรวดครับ
